หากเอ่ยชื่อ"เขาค้อ" ผมเชื่อว่า ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก
แต่จะมีซักกี่คนที่เคยไปเที่ยวเขาค้อในยามที่อากาศในกรุงเทพฯ สูงเกือบสี่สิบองศา
แล้วบนเขาล่ะ อากาศจะเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวเขาค้อในฤดูร้อนด้วยกันครับ
การเดินทาง
ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ถ.พหลโยธิน เส้นทางไปสระบุรี ==> เลี้ยวซ้ายเข้าทางเลี่ยงเมืองสระบุรี มุ่งหน้าลพบุรี - เพชรบูรณ์ บนทางหลวงหมายเลข 21 ใช้เส้นทาง ทางหลวงหมายเลข 21 ตลอดเส้นทางผ่านอ.ชัยบาดาล อ.ศรีเทพ อ.วิเชียรบุรี อ. บึงสามพัน อ.เมือง มุ่งหน้าอ.หล่มสัก จนถึง สี่แยกพ่อขุนผาเมือง กม.261==>เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ทางหลวงหมายเลข 12 มุ่งหน้าสู่จังหวัดพิษณุโลก ประมาณ 20 กม. จะถึงสามแยกแคมป์สน(เข้าเขาค้อ) ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2196 ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีแหล่งท่องเที่ยว และรีสอร์ตต่างๆบนเขาค้อตลอดเส้นทาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง
หรือ เส้นทางที่ 2 ใช้ทางหลวงหมายเลข1 ถ.พหลโยธิน เส้นทางสระบุรี ==>เลี้ยวซ้ายเข้าทางเลี่ยงเมืองก่อนถึงสระบุรี มุ่งหน้าลพบุรี- เพชรบูรณ์ ทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านอ.ต่างๆในจังหวัดลพบุรี จนถึงอ.เมือง เพชรบูรณ์ เลยอำเภอเมืองประมาณ 13 กิโลเมตร ถึงแยกนางั่ว เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 2258 เส้นทางนางั่ว-เขาค้อ ผ่านจุดทดสอบเนินมหัศจรรย์ เส้นทางท่องเที่ยว และรีสอร์ตต่างๆ บนเขาค้อ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง
หรือ เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1ถนนพหลโยธิน ถึงอำเภอวังน้อยแล้วแยกเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 32 ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท เข้านครสวรรค์แล้วใช้เส้นทางหมายเลข 117 ตรงเข้าจังหวัดพิษณุโลก จากนั้นใช้ทางหมายเลข 12เส้นพิษณุโลก-หล่มสัก ผ่านเขาค้อ-หล่มสัก เข้าจังหวัดเพชรบูรณ์ รวมระยะทาง 547 กิโลเมตร
หลังจากออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครับ
เราก็มาถึงจุดแรกของโปรแกรม ที่ต้องทานให้ได้ คือ ไก่ย่างวิเชียรบุรี (แต่มีที่ ลาดพร้าว เมืองทอง บางกะปิ ฯลฯ 55555 )
ของขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบูรณ์ อยู่ที่ อำเภอวิเชียรบุรีครับ
เห็นไก่ย่างเรียงเป็นตับ น่ากินชมัดเลย
สับมาแล้ว เนื้อแห้งแต่ไม่แข็งนะครับ กำลังดีทีเดียว
คอหมูย่าง อร่อยได้แบบไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มครับ
เมนูต่อมา ร้านไหนไม่ทำนี่เชยนะ นั่นคือ ส้มตำถาด เลือกได้นะครับว่าจะเอาตำอะไร สำหรับหน้าตาอินเตออย่างเรา
ต้อง "ปู ปลาร้า" เท่านั้นจ่ะ
ต่อมาเป็น ตำหลวงพระบางครับ รสคล้ายๆ ตำปูปลาร้าใส่น้ำปู๋ครับ แปลกๆ แต่อร่อยดีครับ
ต้มยำไก่บ้านใบมะขามอ่อน เปรี้ยวแซ่บ สะใจครับ
ปลาทับทิมทอด เลาะเนื้อให้เรียบร้อย ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู๊ดครับ
แล้วก็ ส้มตำทอดครับ จานนี้เฉยๆครับ อยากให้แยกเส้นกับน้ำส้มตำมามากกว่า
ต่อด้วยลาบเป็ดครับ
ทานคู่กับข้าวเหนียวนึง ให้มาทั้งสองสีเลยครับ หอมใบตองที่ห่อมาด้วยครับ
ปิดท้ายมื้ออาหารด้วยขนมถ้วยล้างปากครับ ร้อนๆมาเลยทีเดียว
แต่ที่เด็ดของที่นี่ มีห้องน้ำ สำหรับเพศที่3 ด้วยจ้า
อีกไอเดียก็ เอาก๊อกล้างมือมาไว้ตรงโถฉี่เลย เวลาล้างมือ จะได้เป็นการล้างโถฉี่ไปในตัว ชอบไอเดียนี้จัง
เที่ยวกันต่อดีกว่าครับ
ใช้เวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็มาถึง ตัวเมืองเพชรบูรณ์ อีกจุดหนึ่งที่ควรแวะคือ
สักการะ พระพุทธมหาธรรมราชา ที่ อุทยานเพชรบุระพุทธมหาธรรมราชาองค์จำลอง
องค์พระพุทธมหาธรรมราชาจำลองขนาดใหญ่นี้ได้หล่อขึ้นที่ โรงหล่อพุทธรังสี นครปฐม
และมีพิธีอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯ ขึ้นประดิษฐาน ณ พุทธอุทยานเพชรบุระ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2554
พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เป็นพระพุทธรูปเนื้อโลหะหล่อด้วยทองเหลืองบริสุทธิ์ ขนาดหน้าตัก 11.984 เมตร สำหรับหน้าตักนั้น มีความหมายโดยนัยการตีความว่า
1 หมายถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์เอก หนึ่งในดวงใจของชนชาวไทย
1 หมายถึง พระพุทธมหาธรรมราชา ซึ่งมีเพียงองค์เดียวในโลก เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเพชรบูรณ์ เป็นองค์พระที่อัญเชิญมาประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเพชรบูรณ์
9 หมายถึง รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
84 หมายถึง วโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา
ในที่สุดเราก็มาถึงเขาค้อกันแล้วครับ จุดแรกก็คือ
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์
ประวัติความเป็นมา
สถานที่อันเป็นธรรมภูมิที่งดงาม ซึ่งเรียกว่าผาซ่อนแก้วนี้ มีธรรมชาติเป็นภูเขาที่สูงใหญ่ ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบบริเวณศาลาปฏิบัติธรรม และบนยอดเขาสูงตระหง่านนั้น มีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขา ซึ่งมีชาวบ้านทางแดงหลายคน ได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกตาม ๆ กันว่า “ผาซ่อนแก้ว” และพุทธสถานที่มาตั้งในจุดที่โอบล้อมด้วยทิวเขาดังกล่าว จึงเรียกว่า “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” เพื่อเป็นนิมิตมงคลแก่ชาวบ้านทางแดง และผู้มาปฏิบัติธรรมสืบไป
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ในนาม “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” ได้รับการอนุมัติจัดตั้งเป็นวัด ในมงคลนามว่า “วัดพระธาตุผาแก้ว” เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓ จากคณะกรรมการมหาเถรสมาคม โดยมีพระครูปลัด ปารมี สุรยุทโธ เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น “วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว” เมื่อ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เพื่อให้สอดคล้องกับบริเวณที่ตั้ง ซึ่งแต่เดิมชาวบ้านเรียกกันว่า “ผาซ่อนแก้ว”
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วตั้งอยู่ในชัยภูมิธรรม ณ บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดย คุณภาวิณี และ คุณอุไร โชติกูล ได้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายเริ่มแรกจำนวน ๒๕ ไร่ เพื่อก่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ปัจจุบันมีผู้ร่วมถวายปัจจัยซื้อที่ดินเพิ่มรวมทั้งสิ้นมีที่ดินรวม ๙๑ ไร่
พระครูปลัดปารมี สุรยุทโธ และ พระครูใบฎีกาอำนาจ โอภาโส สองครูบาอาจารย์คู่บุญคู่บารมี ร่วมกับคณะศิษยานุศิษย์และเหล่าผู้มีจิตศรัทธาจากทั่วประเทศได้ร่วมกันจัด สร้างเสนาสนะ กุฏิที่พักสงฆ์ อาคารปฎิบัติและบรรยายธรรม รวมถึงอาคารที่พักผู้ปฏิบัติธรรมเพื่อรองรับคณะผู้มีจิตศรัทธาจากทุกแห่งหนที่ หลั่งไหลกันเข้ามาอบรมภาวนาในแนวสติปัฎฐานสี่ แห่งองค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากันอย่างต่อเนื่อง เป็นที่ปิติยินดียิ่งของครูบาอาจารย์กับเหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์ที่ได้ร่วม แรงร่วมใจ สละทั้งแรงกาย แรงทรัพย์ พร้อมทั้งความวิริยะอุตสาหะ และ ความตั้งใจมั่นเพื่อให้วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วเป็นที่ปฏิบัติภาวนาสำหรับผู้มีจิตศรัทธาสืบต่อไป
เป็นอะไรไม่รู้ เข้าวัดทีไรร้อนทุกที 55555
ไปจิบน้ำชายามบ่ายกันที่ บลูสกาย เขาค้อ หน่อยดีกว่า เผื่อจะดูไฮโซขึ้นมาบ้าง
เป็นรีสอร์ทที่ตกแต่งในสไตล์ สวนอังกฤษ ดูอบอุ่นสบายตา
บรรยากาศดี อากาศก็ไม่ร้อน กำลังสบายครับ
จริงๆมาที่นี่แค่บรรยากาศก็คุ้มละ ใจจริงอยากพักที่นี่ แต่ ยังไม่มีโอกาส เอาแค่มาเดินถ่ายบรรยากาศก็ฟินละครับ
รู้สึกถ้ามีบ้านของตัวเองก็คงจะตกแต่งสไตล์นี้แหละครับ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่จะมี 55555
เราสั่งเป็น เซ็ท afternoon tea ครับ
มีเบเกอรี่หลายอย่างเลยครับ น้ำชาหอมมาก แต่ ขนมยังไม่ประทับใจเท่าไหร่ครับ ให้คะแนนอาหารไป 6/10
สั่งสปาเก็ตตี้มาจานนึง แต่เอา ส้อม กับ ช้อนซุปมาให้ ตรงนี้ตัดคะแนนอย่างแรง >..<
เอาล่ะสบายท้องกันละ ได้เวลาเข้าที่พัก
ทริปนี้เราพักกันที่ แทนรักทะเลหมอกครับ
ภายในห้องพัก
แตกแต่งโทนอุ่นๆ ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายดีจัง
ข้าวของเครื่องใช้ก็มีให้ครบครับ
ที่สำคัญ ขนมฟรีหมดตะกร้าจ้า 55555
ทีวีเครื่องเสียงมีครบครับ จอแบนแล้วด้วย ทันสมัยดีครับ
วิวจะระเบียงห้องครับ ตรงไกลๆนั่น เป็น อ่างเก็บน้ำนี่ครับ แปลว่า ถ้าพรุ่งนี้โชคดี เราก็มีโอกาส ได้เห็นทะเลหมอกจากระเบียงห้องพักเลยสิ
หลังจากเก็บของเข้าห้องพัก พอหายเหนื่อย ก้ได้เวลากินกันอีกแล้วจ้า
ก่อนออกไป ขอซักภาพสองภาพ
มื้อเย็นเราฝากท้องจากร้าน พรสวรรค์ ตามลายแทงจากในพันทิปที่แหละจ้า
ดูจากเมนูคิดว่าราคาค่อนข้างสูง แต่พอมาถึง แต่ละจานนี้ถือว่าคุ้มเลยล่ะครับ จานใหญ่แล้วก็อร่อยมาก
เมนูแรก ปลาส้มทอด ต้องกินคู่กับ หอมแดงแล้วก็พริกขี้หนูซอยแบบนี้แหละครับ
เมนูที่สอง ทอดมันดอกกล้วย ผมว่า มันก็คือ ทอดมันหัวปลี นั่นแหละครับ 5555
ต่อมาเป็นน้ำพริกกะเหรี่ยงครับ มาทีเดียว 2 จานเลย เป็นแบบผัด เผ็ดๆหอมๆ อร่อยมาก จานนี้ปลื้มครับ
ส่วนอีกจานเป็นแบบสด คล้ายๆน้ำพริกหนุ่ม แต่เผ็ดกว่า รสชาติก็ไม่เหมือน สรุปอร่อยทั้งสองแบบครับ
ต่อมาเป็น แก้งส้มชะอมทอด จานนี้ก็ชอบครับ
ตามมาด้วยยอดฟักแม้วผัดน้ำมันหอย
โดยสรุป ผมโอเคกับอาหารของที่นี่มาก ทั้งเรื่องของรสชาติ และราคา คุ้มค่าครับ
โปรแกรมวันที่สอง เราตื่นกันเช้ามาก เพราะตั้งใจว่าจะไปชมพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกที่ เขาตะเคียนโง๊ะครับ
มากันตั้งแต่ พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น
มองเห็นเป็นแสงเรืองๆละครับ
ทะเลหมอก เริ่มมาละครับ แต่รู้สึกว่าจะน้อยไปซักนิดครับ
ยังพอเห็นอยู่บ้าง แต่อาจจะไม่เต็มแบบที่คิดครับ
ได้อารมย์ไปอีกแบบครับ ถึงแม้จะไม่เห็นทะเลหมอกแบบฟูๆ ก็ตามที
แต่พอกลับมาถึงรีสอร์ท นั่นอะไรอะ กรี๊ดดดด ทะเลหมอก มาเต็มๆ
หมอกฟูๆเลยจ้า นี่ชั้นแหกขี้ตาตื่นไปทำไมแต่เช้าเนี่ย 55555
ห้องอาหารก็จะมองเห็นเลยครับ
เลือกไม่ถูกเลย จะชมหมอก หรือจิบกาแฟ
กาแฟ ก็เป็นกาแฟสด
ไส้กรอก ไข่ดาว เลือกทานได้ตามใจครับ
แต่ผมชอบอาหารเช้าแบบไทยๆครับ เป็นข้าวแกง 5555
รสชาติก็ตามแบบฉบับคนไทยเลยครับ อร่อย ถึงเครื่อง
ได้เวลาเก็บของ อำลาแทนรักทะเลหมอกละครับ
ช่วงที่ไปเป็นช่วงงานสตรอเบอรี่ของเขาค้อพอดีครับ งานจะมีช่วงประมาณเดือน กุมภาพันธ์ุครับ
แล้วก็จะมีสตรอเบอรี่ไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาครับ
สตรอเบอรี่ลูกแดงๆ
สามารถ เลือกเก็บเองได้ด้วยนะครับ ของที่นี่เค้าบอก
ไม่ปลอดสาร แต่ปลอดภัย คำคมกาละแมของแม่ค้าที่นี่ เด็ดดีจัง 5555
แอบชิมไปด้วยเม็ดนึง แต่จริงๆก็ควรเอาไปล้างออกก่อนนะครับ เพราะบางทีมีเศษดินติดอยู่ อาจจะไม่ค่อยสะอาดครับ
เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนกลับเราแวะ สักการะ พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก กันก่อนครับ
ตั้งอยู่บนเขาค้อ ริมทางหลวงหมายเลข 2196 อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเขาค้อไปทางทิศเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร จะเห็นพระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก อยู่ติดถนนด้านขวามือ เป็นเจดีย์ที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานทั้งแบบสุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปให้ประชาชนได้สักการะบูชา ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอัฐธาตุของพระพุทธเจ้า ที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา โดยพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานให้กับประชาชนในพื้นที่ หลังจากยุติการสู้รบกับคอมมิวนิสต์ใน ประเทศไทย
เข้ามาภายในเห็นนักท่องเที่ยวเข้าคิวอะไรยาวเลยครับ เข้าไปดูเป็นห้องขนาดไม่ใหญ่ครับ
แต่มีป้ายเขียนไว้ว่า ดูแล้วห้ามเปิดเผลว่าข้างในมีอะไร ผมเข้าไปดูมาแล้ว แต่ไม่บอกหรอก ลองเข้าไปดูกันเองครับ
มื้อกลางวัน วันนี้ เราจะไปฝากท้องกันที่ ไร่กำนันจุลครับ พร้อมกับซื้อของฝากกันด้วยเลย
กำนันจุล คุ้มวงศ์ เป็นเกษตรกร ผู้ก่อตั้งไร่กำนันจุล มีธุรกิจทั้งกลุ่มอาหาร ผ้าไหม สวนผลไม้ รวมไปถึงเครื่องสำอางด้วยครับ
วันนี้เราก็เลยลอง ปลาส้ม ที่เป็นเมนูแนะนำของทางร้านครับ
จานที่สองเป็น ไข่เจียวปลาส้มทอด แปลกดีครับ อร่อยด้วย
แล้วก็ลาบปลาส้มทอดครับ
ส้มตำครับ ทานคู่กับหนังปลากรอบ
ต่อด้วย ต้มแซ่บประดูกหมู
สลัดผัก มัลเบอรี่ ที่เป็นผลผลิตของไร่กำนันจุลครับ
แล้วก็ มัลเบอรี่สมูทตี้ หวานๆเย็นๆ ชื่นใจครับ
อาหารบริการอยู่โซนเดียวกับร้านกาแฟสดนะครับ
เข้าไปดูของฝากกันนะครับ
สินค้าที่นี่หลากหลายมากเลยครับ เกินความคาดหมายของผมเลยทีเดียว
แค่เมนูน้ำพริก ก็มีไม่รู้กี่อย่างละครับ
น้ำพริกที่มีให้ชิมทุกรส
เดินเข้ามาอีกก็จะเป็นโซนเครื่องสำอาง เครื่องประดับ
เข้าไปด้านในสุด จะเป็นผ้าไหมครับ สวยอะ อยากได้ไว้ซักผืน
ใครมาถึงโซนนี้ อย่าลืมเปิดประตูออกไปทางด้านหลังนะครับ
จะเจอซุ้มเครื่องดื่ม แล้วละ 5 บาท เลือกได้ทั้งหมดเลยครับ
จะเป้นน้ำผลไม้ หรือว่า ชานม กาแฟก็ยังได้ครับ ผมลองแล้ว อร่อยครับ
จบทริปนี้แล้วครับ
ทั้งเหนื่อยทั้งสนุก แต่ก้ได้รู้ว่า เขาค้อ สามารถเที่ยวได้ทุกฤดูจริงๆครับ เธองาม 360 องศา จริงๆ
สุดท้ายของขอบคุณทุกคนนะครับที่ติดตามชม