ปั่นเที่ยวสุขใจในสิชล ตอน “ใครคือปีศาจเขาพลายดำ”


ในการเดินทางท่องเที่ยวของเรานั้น สามารถทำได้หลายวิธี บางคนก็เลือกที่จะเช่ารถเที่ยว บางคนก็เลือกที่จะเหมารถตู้พร้อมคนขับ บางคนก็อาจจะเลือกใช้วิธีโบกรถ หรือแม้แต่ปั่นจักรยาน ทุกวิธีก็ล้วนแล้วแต่ทำให้เรามีความสุขในการเดินทางทั้งสิ้น
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมได้มีโอกาสได้รับเกียรติจากสายการบินนกแอร์ไปร่วมทริปปั่นจักรยานเที่ยวสิชล โดยงานนี้จัดขึ้นโดย สายการบินนกแอร์ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยนครศรีธรรมราช และชมรมท่องเที่ยวสิชล โดยทริปนี้เป็นการท่องเที่ยวสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งสิชล เมืองแห่งแอคทิวิตี้ ที่มีกิจกรรมมากมายให้เราได้สัมผัสกัน ทั้งความสวยงามของทะเล น้ำตก ภูเขา วิถีชีวิต หรือแม้แต่กีฬาทางน้ำ ซึ่งเพื่อนๆก็จะสามารถ ชมได้ผ่านรีวิวนี้ได้เลยครับ
การเดินทาง เราเดินทางด้วยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD7808 เวลา 9.10 น.

การเดินทางไปที่นครศรีธรรมราช นกแอร์มีบริการถึง 5 เที่ยวด้วยกัน


พอลงเครื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราไปกินขนมจีนกันที่ ร้าน “ขนมจีนโกดำ บ้านในสวน”
บรรยากาสร่มรื่นมาก


แผงผักที่บริการฟรี เหมือนยกมาทั้งตลาด


ขนมจีนร้านนี้รสชาติจะอ่อนหน่อย ไม่เหมือนร้านในเมือง คนกรุงน่าจะชอบ

กินพร้อมกับไก่ทอดร้อนๆ เข้นกั๊น เข้ากัน



อิ่มกันแล้วเราก็มุ่งหน้าเข้าสู่ที่พัก ในครั้งนี้เราพักกันที่”สิชลคาบาน่า” เป็นรีสอร์ทน่ารักๆ ที่มีกิจกรรมมากมาย
มาถึงก็มีการกล่าวต้อนรับ รวมถึงวัตุประสงค์ของการจัดกิจกรรมครั้งนี้ โดย คุณสุริยาภา บุนนาค ผู้อำนวยใหญ่การฝ่ายสื่อสารองค์กรสายการบินนกแอร์ นางลดาวัลย์ ช่วยชาติ ผอ.สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครศรีธรรมราช และ คุณเบญจภพ เบญจธรรมธร ผู้จัดการและเจ้าของสิชลคาบาน่ารีสอร์ท




พักผ่อนกันพอหายเหนื่อย เราก็ออกมาเตรียมความพร้อมกันซักหน่อย




หมอล็อต สัตว์แพทย์หนุ่มผู้ทุ่มเทกับการช่วยเหลือสัตว์ป่าก็มาร่วมงานนี้ด้วยครับ

เรามีชมรมนักปั่นจากสิชลมาร่วมทริปกับเราด้วย ซึ่งการการปั่นทุกครั้ง สิ่งที่ทางนกแอร์คำนึงถึงเป็นสิ่งแรกคือ ความปลอดภัย เราจึงมีการกำชับนักปั่นทุกท่านให้คำนึงถึงเรื่องนี้กันด้วยครับ

เนินแรกทางขึ้นเขาพลายดำ เรียกว่าเป็นจุดวัดใจของนักปั่นเลยก็ว่าได้ เพราะมีความชันพอสมควร



และนักปั่นของเราก็ผ่านมาได้

เอ๊ะ จะเลี้ยวไปไหนกันนะ

อ๋อ จุดแรกของเราก็คือ จุดชมวิว”หินงามรางทัด”นั่นเอง

จุดชมวิวหินงามรางทัด มีลักษณะเป็นหินปูน ทอดลงไปในทะเล ทำให้ด้านข้างมีลักษณะเป็นอ่าว เหมาะให้จอดเรือเพื่อหลบพายุ และยังเป็นจุดที่นักตกปลาชอบมาฝึกฝีมือกันที่นี่อีกด้วย เหตุที่เรียก หินงามรางทัด เพราะบนแผ่นหินจะมีเส้นสีขาว พาดตรงไปตลอดแนว เหมือนกับการใช้ รางทัดเครื่องมือก่อสร้างที่เอาไว้ใช้ตีเส้น มาขีดเอาไว้






เนินที่ 2 บริเวณหน้าศาลเจ้าพ่อเขาพลายดำ
เนินนี้มีความชันกว่าเนินแรก แต่ก็มีความสวยงามเพราะเราสามารถมองเห็นทะเลที่เราผ่านมาแล้วได้ด้วย





จุดต่อไปที่เราจะไปกัน คือหาดหินงามในอดีต หรือหาดสิชลในปัจจุบัน


สำหรับคนที่มีแรง จะไปต่อถึงยอดเขาพลายดำ แต่คนที่ไม่ไหว ก็ลงไปที่หาดได้เลย ซึ่งถ้าใครสามารถขึ้นไปจนถึงยอดเขาพลายดำสำเร็จ จะได้เป็น “ปีศาจเขาพลายดำ” ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย




ในที่สุดก็ลงกันมาครบ แต่ในจะได้เป็นปีศาจเขาพลายดำกี่คน ขออุ๊บอิ๊บไว้ก่อนนะครับ ฮ่าฮ่าฮ่า

อีกจุดที่เป็นเหมือนแหล่งรวมจิตใจของชาวสิชล คือ อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ตั้งอยู่บริเวณปากน้ำสิชล หันหน้าไปทางทะเล ซึ่งเหมือนจะคอยคุ้มครองให้ชาวเหลือออกเรือไปและกลับมาด้วยความปลอดภัย


จุดสุดท้ายในวันนี้ เรามากันที่ ศาลเจ้าพ่อตาปะขาว เป็นศาลเจ้าพ่อแห่งแรกของปากน้ำสิชล เป็นที่เคารพนับถือของชาวสิชล ไม่ว่าเรื่องอะไรชาวสิชลก็จะนิยมมาขอจากท่าน นอกจากนี้ ที่นี่ก็ยังเป็นจุดชมวิวปากน้ำสิชลที่สวยงามมากอีกด้วย







มื้อค่ำ เราฝากท้องกันที่ร้าน “แล เล” เป็นร้านที่ทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ให้การยอมรับว่า อร่อย แล้วก็ราคาไม่แพง ร้านตั้งอยู่ทางขึ้นศาลเจ้าพ่อตาปะขาวนั่นเอง
 




อาหารหน้าตาอาจจะไม่สวยนัก แต่รสชาติ เด็ดขาดอย่าบอกใคร โดยเฉพาะ ลาบปลาทู กุ้งทอดซอสมะขาม ที่กุ้งตัวใหญ่มาก
หลังจากนั้นเราก็กลับไปพักผ่อนออมแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้

ตื่นเช้ามาด้วยความสดใสรับกับแสงแดดอุ่นๆ

อาหารเช้าของสิชลคาบาน่า เก๋มาก มีทั้งขนมจัน ข้าวันแกงไก่ ข้าวเหนียวหน้าต่างๆ ล้วนเป็นของดีของนครศรีธรรมราชทั้งสิ้น


จากนั้นนักปั่นก็เตรียมความพร้อม โดยคุณสุริยาภา บุนนาค ผู้อำนวยใหญ่การฝ่ายสื่อสารองค์กรนกแอร์ ยังคงเป็นผู้นำในการเตรียมความพร้อมร่างกายเช่นเคย
วันนี้เราจะไปที่ตลาดบ้านปลายทอนเป็นทีแรก


ตลาดนี้ เป็นตลาดในแบบวิถีชีวิตอย่างแท้จริง โดยส่วนมากสินค้าคืออาหารทะเลสดๆ ที่ว่าสดนี่คือสดจริงๆ เพราะอาหารทะเลที่เอามาขาย จะเป็นเรือเล็ก โดยในช่วงประมาณตีสามของทุกวัน สามีจะออกเรือไปจับปลา แล้วก็จะกลับเข้าฝั่งประมาณ 8 โมงเช้า และภรรยาจะรับช่วงขายต่อ จึงไม่ผ่านการแช่น้ำแข็งหรือสารอะไรทั้งสิ้น


ผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย และมีความสุข ดูได้จากรอยยิ้มของแม่ค้าที่นี่



หมอล็อตเนียนเลยน๊าาาาาา

ปลาสดจริงๆ ตาใส๊ใส


นี่คือเจ้าถิ่นตัวจริง อยากกินตัวไหน แม่ค้าก็ให้ ไม่หวงเลย


สิ่งที่จะต้องชิมเมื่อมาที่นี่คือ ขนมครกโบราณ จะไม่หวานนะครับ แต่เค้าจะมีน้ำตาลทรายมาให้ด้วย


จากนั้นเราแยกจากกลุ่มนักปั่นซักครู่ เราไปที่น้ำตกยอดน้ำ
น้ำตกยอดน้ำเป็นน้ำตกที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขา ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขานัน น้ำที่นี่จะใสแล้วก็บริสุทธุิมากๆ เพราะตั้งอยู่นต้นน้ำจริงๆ

ในชั้นที่1 จะอยู่ใกล้กับลานจอดรถเลย

แต่เราจะไปกันที่ชั้น 3 ซึ่งชั้นที่ 2 กับ 3 จะอยู่ติดกันเลย ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีก็ถึงละครับ ไม่ไกล แต่ต้องขึ้นเขาไปนิดนึง

ชั้นที่เหมาะสำหรับเล่นน้ำคือชั้นที่ 3 เพราะน้ำจะไม่ลึกมาก มีลักษณะเป็นแอ่ง


เล่นน้ำกันซักพัก ได้พลังและความสดชื่นกลับมา ก็ต้องกลับลงมาละครับ
มื้อเที่ยงเราฝากท้องกันที่ อิสระบีช เป็นอาหารใต้ รสชาติดี บรรยากาสชิลๆ


อาหารธรรมดาๆ แต่รสช่ติดีทุกจานเลย

ข้างๆกันเป็นร้านกาแฟ ในบรรยากาสที่โรแมนติกมาก







ช่วงบ่ายเราไปกันที่น้ำตกสี่ขีด ซึ่งที่นี่เป็นเหมือนสถานที่ ที่เด็กๆทุกคนจะต้องเคยมา มีลักษณะเป็นแอ่งเล็กๆ หลายแอ่ง

มีหลายคนกล่าวว่า น้ำตกสี่ขีด คือน้ำตกเอราวัณแห่งที่2 มีลักษณะเป็นชั้นๆ มีมากกว่า 100 ชั้น






ตัวน้ำตกเป็นหินปูน ที่ตะไคร่น้ำไม่จับ ทำให้ไม่ลื่นเวลาเดิน
แต่กิจกรรมของเรายังไม่จบ ที่รีสอร์ทเรายังมีกิจกรรมรออยู่ เป็นกิจกรรมทางน้ำที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้ ทั้งวินเซิฟ เรือคายัค พร้อมทั้งมีการสอนโดยเจ้าของรีสอร์ทด้วย


สอนทฤษฎีเสร็จละ ไปลองปฏิบัติจริงกัน









ในตอนเย็นเรามีปาร์ตี้เล็กๆกันที่นี่ด้วย


วันที่3
วันนี้เราปล่อยให้สมาชิกนอนพักกันอย่างเต็มที่ จนถึงเวลาประมาณ 11โมงเช้า เราจึงเช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก เราไปทานมื้อกลางวันกันที่ร้านโกโตน เป็นอีกร้านแนะนำของที่นี่ เมนูเด็ดคือ ขาหมู ใครมาต้องลอง


จากนั้นเราไปต่อกันที่วัดถ้ำเขาพรง

วัดถ้ำเขาพรงถือเป็นโบราณสถาน มีลักษณะเป็นถ้ำบนภูเขา มีอายุมากกว่า 900 ปี การจะเข้าไปชมถ้ำ จะต้องเดินขึ้นบันได ประมาณ 280 ขั้น

ในช่วงแรกจะค่อนข้างชันนิดนึง

พอผ่าน 100 ขั้นแรกไปแล้วก็เริ่มเดินง่ายขึ้น

ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงละครับ

ภายในถ้ำมีไฟส่องสว่างเรียบร้อย


เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ แล้วก็เก่าแก่มาก

ภายในแบ่งเป็น 3 ห้อง ด้วยกัน ห้องที่ 2 มีหินงอกหินย้อยสวยงาม ส่วนห้องที่ 3 หลอดไฟขาด เลยไม่สามารถเก็บภาพมาฝากเพื่อนๆได้ครับ


ปิดท้ายทริปนี้ เราไปกันที่ วัดเจดีย์ เพื่อไปขอพรจากไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์


ไอ้ไข่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ว่ากันว่า ขออะไรก็ได้ ไม่ว่าเรื่องไหนก็ได้หมด สิ่งที่ไอ้ไข่ชอบก็ได้แก่ ไก่ชน ประทัด ชุดทหาร ขนมเปี๊ยะ ตุ๊กตาทหาร

มีนายทหารท่านนึง บนแล้วได้ตามที่ขอ ได้มาสร้างไก่ชนขนาดใหญ่ 1 คู่ ถวายให้ไอ่ไข่

กองซากประทัดนี่ มีขนาดเหมือนภูเขาลูกย่อมๆ ได้ยินว่า เคลียร์ไปแล้วหลายรอบ

จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปที่สนามบิน เป็นอันปิดทริปอย่างสมบูรณแบบครับ

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณสายการบินนกแอร์ การะท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยนครศรีธรรมราช และชมรมท่องเที่ยวสิชล ที่ทำให้ทริปดีๆแบบนี้เกิดขึ้นครับ
แล้วพบกันใหม่ครับ
ใหม่กว่า เก่ากว่า