Alone in Russia EP2.ลุยเดี่ยวเที่ยวรัสเซีย กับงบ 10,000 บาท จตุรัสแดง เซนต์บาซิล และหิมะแรกของชีวิต



อ่านตอนที่ 1 ได้ที่
https://www.travelguru-thailand.com/2019/03/alone-in-russia-ep1-10000.html

หลังจากที่ก่อนหน้านี้เราต้องพจญภัยมาหนักหน่วง ทั้งเกือบโดนปล้น แถมยังโดนโรงแรมเท หลังจากนี้เลยถ่ายรูปน้อยมากครับ เพราะกลัวจะโดนปล้นอีก เอามาถ่ายเฉพาะในที่ท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยวเยอะๆเท่านั้นครับ

เช้าวันนี้ เราจึงต้องวุ่นวายกับการหาที่พักใหม่ และเราก็ยังพึ่งแอพของ Traveloka อยู่ครับ

ด้วยฟังก์ชั่น ค้นหาที่พักใกล้ฉัน ทำให้เรารู้ระยะทางและราคาของโรงแรมที่เราต้องการ


เราก็ตัดสินใจเลือก Kalinka Hostel ที่เราดูแล้วอยู่ไม่ไกลมากพอเดินไหว ราคารับได้ไม่เกินงบมาก เนื่องจากทริปนี้เรามีงบประมาณ ที่เตรียมมา แค่ 10,000 บาทไทย (ไม่รวมค่าเครื่องบินกับที่พัก ซึ่งจ่ายไปแล้ว) ทำให้เราต้องเอาเงินจำนวนนี้มาสำรองจ่ายค่าที่พัก แล้วค่อยกับมาเบิกคืนทีหลัง ทริปนี้เราจึงต้องประหยัดกันสุดๆไปเลยครับ

และนี่คือ โรงแรมที่เราเลือกสำหรับอีก 4 คืนที่เหลือครับ




เราได้มาในราคาคืนละ 1,500 RUB คิดเป็นเงินไทย 800 กว่าบาท เป็นห้องเดี่ยวมีหน้าต่าง ห้องน้ำรวมครับ

มาดูที่พักกันก่อน


โฮสเทลในมอสโควค่อนข้างจะสังเกตุยากนิดนึงนะครับ เนื่องจากอากาศหนาวจึงค่อนข้างจะปิดมิดชิด





ห้องพักจะเป็นห้องเล็กๆมี ขนาด 10 ตรม. ใช้ห้องน้ำรวมครับ

ตอนนี้สบายใจเรื่องที่พักละ ก็ได้เวลาไปเที่ยวกันแล้วครับ ซึ่งตอนนี้เรายังงงๆอยู่ ก็เลยเปิด Google Map และเดินมาจากที่พัก ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตรครับ

จุดแรง ที่เราผ่าน โรงละครโอเปร่า ยิ่งใหญ่ อลังการ สวยงามมากครับ




เดินมาอีกนิดเดียวก็เป็น จตุรัสแดงละครับ




เดินผ่านประตูนี้ไปก็จะเป็น จตุรัสแดงครับ



อีกฝั่งเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มอสโคว



อีกฝั่งเป็นห้างชื่อดังของที่นี่ ชื่อว่า GUM เป็นห้างที่คลาสสิคและสวยงามมากครับ 




 ตอนนี้ก็เลยเวลาเที่ยงมานานแล้ว ยังไม่ได้ทานข้าวเลย และในห้างนี้มี ร้านอาหารที่เป็นเหมือน ฟู๊ดคอร์ด อยู่ที่ชั้น 3 ครับ เราจึงไปฝากท้องไว้ที่นั่น


 แถวยาวพอสมควรเลย


ลักษณะจะเหมือนเป็นแถวรับอาหารในโรงเรียนประจำ หรือแถวทหาร แต่เราเลือกเองว่าจะเอาอะไรบ้าง ซึ่งมีให้เลือกเยอะมาก

นี่คือเมนูที่เราเลือก เป็นไก่ชุบแป้งทอด ข้าวเหลืองที่ไม่มีรสชาติใดๆ เค้กช็อคโกแล็ต และนำผลไม้ รวมทั้งหมด 395 RUB เป็นเงินไทยก็ประมาณ 200 บาทครับ


อิ่มแล้วก็เดินออกมาถ่ายรูปกันต่อ

มหาวิหารเซนต์เบซิล (อังกฤษ: Saint Basil’s Cathedral; รัสเซีย: Собор Василия Блаженного)

มหาวิหารเซนต์บาซิล เป็นอาสนวิหารของศาสนจักรออร์โธดอกซ์รัสเซีย ตั้งอยู่ที่จัตุรัสแดง กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย สร้างโดยซาร์อีวานที่ 4 แห่งรัสเซีย หรือซาร์อีวานจอมโหด เพื่อฉลองชัยชนะเหนือพวกมองโกลที่กรีธาทัพมาเมืองคาซาน




เดินมาด้านหลังขึ้นไปถ่ายรูปบนสะพาน มองเห็น โบสถ์โดมทองอยู่ไกลๆ



อีกฝั่งจะเห็น 1 ใน 7 sister เป็นตึก 7 พี่น้องที่มีรูปทรงตึกเหมือนกัน



จนมาเจอรถ Hop on Hop off นำเที่ยว จะวิ่งเป็นวงรอบ มีด้วยกัน 2 สายด้วยกัน คือ สายสีแดง และสายสีเขียว ราคา 1,500 RUB ซื้อบัตรครั้งเดียว สามารถขึ้นได้ทั้ง 2 สาย และใช้ได้ 2 วันครับ



เค้าจะแถมหูฟังมาด้วยอันนึง แต่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สามารถเลือกฟังได้ทั้งภาษารัสเซีย แล้วก็ ภาษาอังกฤษ


รถก็จะพาเที่ยวไปยังจุดสำคัญต่างๆทั่วเมืองครับ








 หลังจากนี้ก็ต้องกลับไปพักก่อนครับ เพราะว่าเมื่อคืนเหนื่อยมาทั้งวันละ

วันที่ 3 ของการเดินทาง

วันนี้เราก็คงไปใช้บริการ รถ Hop on Hop Off ชมเมืองอีกรอบ เราเริ่มต้นกันที่ St. Basil เช่นเคยครับ






มหาวิหารเซนต์เดอะซาเวียร์ หรือที่เรียกกันว่า มหาวิหารโดมทอง (St. Saviour Cathedral)

เป็นวิหารที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียและสูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Moskva เมืองมอสโก ประเทศรัสเซีย สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ ที่ 1 เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะและแสดงกตัญญุตาแด่พระเป็นเจ้าที่ทรงช่วยปกป้องรัสเซียให้รอดพ้นจากสงครามนโปเลียน โดยมหาวิหารเซนต์เดอะซาเวียร์ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 45 ปี

ในสมัยของสตาลิน เคยสั่งให้ทุบทำลายมหาวิหารแห่งนี้ จนกระทั่งในสมัยประธานาธิบดีบอริส เยลซิน จึงได้มีการบูรณะขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งด้วยเงินบริจาคและพลังความศรัทธาของผู้คน ดังนั้นที่นี่จึงเป็นที่รักและศูนย์รวมจิตใจของประชาชน มหาวิหารโดมทองแห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการประกอบพิธีกรรมที่สำคัญระดับชาติทางคริสตศาสนาของประเทศรัสเซีย



จุดชมวิวมหาวิทยาลัยมอสโคว



ตึกนี้เป็นมหาวิทยาลัยมอสโควครับ เป็น 1 ใน seven sister ด้วย



ลืมบอกไปครับ ว่าวันนี้เราเจอขุมทรัพท์หน้าที่พักเรา เป็น super market ส่วนมากผมก็เลยฝากท้องไว้ที่นี่ครับ ช่วยประหยัดไปได้เยอะเลย














พอกลับมา ลงที่จตุรัสแดง เราจะเข้าไปชม พระราชวังเคลมลิน

เปลวไฟที่ไม่เคยดับ เป็นสัญลักษณ์ของการหยุดสงครามโลกครั้งที่ 2 จะมีทหารคอยเฝ้าไว้ตลอดเวลา







เข้ามาสู่พระราชวังเคลมลินละครับ จะเสียค่าผ่านประตู 500 RUB

ที่นี่ในอดีตเคยเป็นที่อยู่ของกษัตริย์ แต่ปัจจุบัน เป็นทำเนียบรัฐบาล เป็นศูนย์ราชการ




ปืนใหญ่ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำหนักถึง 45ตัน แต่ว่าไม่เคยถูกใช้งานแม้แต่ครั้งเดียว






ระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่เมื่อครั้งเกิดไฟไหม้ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทหารได้เอาน้ำไปราดลงบนระฆังใบนี้ ทำให้ระฆังแตกออกมาในทันที



สถานที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ โบสถ์อัสสัมชัน เป็นโบสถ์ที่อยู่ภายในวัง คล้ายๆกับวัดพระแก้วของบ้านเรา ภายในมีภาพจิตรกรรม วัตถุโบราณที่สำคัญมากมาย และเมื่อผู้นำประเทศเข้ารับตำแหน่ง จะต้องมาสาบานเข้ารับตำแหน่งที่โบสถ์นี้เท่านั้น ภายในห้ามถ่ายภาพนะครับ ก็เลยมีแค่ภาพด้านนอกมาให้ดูกัน
















วันที่ 4 ของการเดินทาง

วันนี้ตื่นมาพร้อมกับอุณหภูมิ -4 องศาและหิมะที่ตกหนักมาก ช่วงเช้า ผมก็เลยไม่ออกไปไหน รอให้หิมะหยุดตกซะก่อน





พอหิมะหยุดแล้ว โปรแกรมวันนี้เราจะไปสำรวจสถานีรถไฟใต้ดินกันครับ เพราะได้ยินมาว่า แต่ละสถานี ตกแต่งไม่เหมือนกันเลย แถมยังสวยงามมากๆด้วย

ผมเลยใช้วิธี ลงไปดูทุกสถานีเลยครับ


















คนรัสเซียก็มีความเชื่อเหมือนกันนะครับ

อย่างที่สถานี Ploschad ใครมาลูบที่หัวสุนัขตัวนี้ เชื่อว่าจะเดินทางปลอดภัยมีคนมาลูบจนขึ้นเงาเลยล่ะ



วันที่ 5 ของการเดินทาง

เราจะไปกันที่ตลาด Izmaloysky Market ตลาดอิสมัลลอฟสกาย่า การเดินทาง เรานั่งรถไฟให้ดินไปลงที่สถานี Partizanskaya ออกมาปุ๊บ มองไปทางซ้ายมือก็จะเห็นยอดแหลมๆคล้ายๆปราสาทในสวนสนุกอยู่ลิบๆ





ตัวตลาดอารมย์คล้ายๆ ตลาดนัดจตุจักรของบ้านเรา สินค้าที่ขาย ส่วนมากก็จะเป็นตุ๊กตามาทรอสก้าหรือ ตุ๊กตาแม่ลูกดก ของที่ระลึก หมวกขนสัตว์ และงานฝีมือต่างๆ มาที่นี่ควรต่อราคาเก่งพอสมควรเลย เพราะเค้าจะตั้งราคาไว้สูง และส่วนใหญ่ สามารถพูดไทยได้นิดหน่อย










หลายคนบอกอีกอย่างที่ไม่ควรพลาดคือ ร้านบาบีคิวร้านนี้ครับ พ่อค้าเฟรนด์ลี่มาก เชิญชวนเก่งสุดๆ



ตอนเสริฟเค้าจะมาเป็นเซ็ทแบบนี้ มีบาบีคิว ผักดอง แล้วก็ซอสคล้ายๆกัยซอสมะเขือเทศ แล้วก็ขนมปังแข็งๆแบบนี้ รสชาติก็พอใช้ได้ครับ 





 วันที่ 6 เดินทางกลับ

วันนี้เป็นวันที่เราจะต้องเดินทางกลับไทยกันแล้ว มีเวลาเหลือเล็กน้อย เราก็เลยเดินสำรวจกันหน่อยว่าในสนามบิน มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง การเดินทาง เรายังคงใช้ AERO EXPRESS เช่นเคยครับ






ในสนามบินที่นี่มีอะไรน่าสนใจเยอะเลยครับ

อย่างอันนี้เป็นตู้ขายหูฟังครับ ใครที่รอเครื่องนานๆแล้วไม่ได้พกหูฟังมา ก็มากดซื้อได้ที่นี่เลยนะครับ




อันนี้สิแปลกที่สุด เป็นอาการของมนุษย์อวกาศ ใครได้ลองแล้วมาบอกหน่อยนะครับ ว่ารสชาติเป็นยังไง



ตู้ถ่ายรูปติดบัตรก็มีนะ


เดินดูเพลินๆ จนได้เวลากลับประเทศไทยที่รักแล้วครับ

ก็นับเป็นอีกประเทศหนึงนะครับที่เที่ยวได้ง่าย ราคาไม่แพง ผู้คนส่วนมากก็เป็นมิตรนะ แต่ในสถานีรถไฟใต้ดินก็ต้องระวังตัวนิดนึง ถ้ามีโอกาส ผมก็ยังอยากกลับไปรัสเซียอีกครั้งนึงนะครับ 

หวังว่าเราจะได้พบกันใหม่ บ๊ายบายรัสเซีย


ใหม่กว่า เก่ากว่า